STI กางแผนปี 65 พร้อมยกระดับองค์กรสู่ตลาด SET ลุยที่ปรึกษาคุมงานรับเมกะเทรนด์อสังหาฯ ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 2 พันลบ.

STI กางแผนปี 65 พร้อมยกระดับองค์กรสู่ตลาด SET

ลุยที่ปรึกษาคุมงานรับเมกะเทรนด์อสังหาฯ ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 2 พันลบ.

           สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI เปิดกลยุทธ์ เส้นทางความสำเร็จของปี 65 ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 2 พันลบ. ขยายความเชี่ยวชาญการบริหารโครงการไปในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม แม้ภายใต้สถานการณ์โควิดสายพันธุ์ใหม่ มีการเปิดประมูลเมกะโปรเจกต์เข้ามาเสริมพอร์ต จากปัจจุบันตุน Backlog แน่นปึ้กที่ 4,000 ลบ. พร้อมก้าวสำคัญสู่การยกระดับองค์กร ติดปีกย้ายเข้าเทรดใน SET

          นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง กลยุทธ์ในปี 2565 เดินหน้าประมูลงานใหม่เต็มสูบ รับสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนทยอยฟื้นตัว ปัจจัยสนับสนุนจากการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าทำให้สถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง ขณะที่ อุตสาหกรรมก่อสร้างเดินหน้า การเร่งลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเป็นอีกปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจ ภาครัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการสำคัญให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งในงานโครงสร้างพื้นฐาน งานระบบสาธารณูปโภค และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลต่อความเชื่อมั่นภาคเอกชนทยอยเปิดตัวโครงการใหม่จากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และน่าจะเห็นภาพชัดเจนของการลงทุนต่อเนื่องในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งยังไม่รวมถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี  เป็นโอกาสของกลุ่ม STI ในการเข้าไปคว้างานใหญ่เหล่านี้  จากปัจจุบัน มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงระดับ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 70% งานภาคเอกชน 30%

          อีกทั้ง กลุ่ม STI ได้ขยายความเชี่ยวชาญการให้บริการที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างไปยังอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท อาทิ โครงการโรงพยาบาล ศูนย์ราชการ มิกซ์ยูส คลังสินค้า และสวนสาธารณะ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และสนับสนุนให้ STI สร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผนวกกับบริษัทในเครือ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC ซึ่งเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานสาธารณูปโภคของภาครัฐ ทำให้มีโปรเจกต์ในมือที่แข็งแกร่ง และเป็นการทยอยรับรู้รายได้ที่มั่นคง อย่างไรก็ดี ในปีนี้มองว่าภาพรวมปริมาณงานที่ออกมาประมูลจะสูงขึ้น จึงตั้งเป้ารายได้เติบโตแตะ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อนมีรายได้ราว 1,733 ล้านบาท

           ด้านแนวโน้มไตรมาส 1/2565 มีทิศทางที่ดี STI ได้รับงานใหม่เพิ่มเติม สำหรับความคืบหน้าของโครงการในมือ อาทิ โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา มูลนิธิรามาธิบดี, ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2 และ 3, ที่ปรึกษาคุมงานโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่, ที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา เมืองการบิน เฟส1, โครงการ One Bangkok, โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น  ยังคงเดินหน้าตามแผน

           “ปีนี้ STI จะขึ้นบันไดไปสู่อีกก้าวที่สำคัญ ในการเตรียมพร้อมย้ายเข้าตลาด SET อีกทั้งเปิดแผนขยายความเชี่ยวชาญเติบโตไปพร้อมกับเทรนด์ของอุตสาหกรรม อาทิ ในกลุ่มงานโรงพยาบาล ราชการ สันทนาการ คลังสินค้า และอื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่อัดอั้นงานก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 2 ปี เราจึงเสริมสร้างความรู้ความเชี่ยวชาญให้กับวิศวกรกร เพื่อเตรียมพร้อมลุยงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญและมีมาตรฐานในระดับสากล” นายสมเกียรติ กล่าว

          ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 0.8 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ เทียบเป็นมูลค่า 0.625 บาท/หุ้น บวกกับเงินสดอีก 0.0694444444 บาท/หุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น 11 พฤษภาคม กําหนดจ่ายปันผล 27 พฤษภาคม 2565 และทำให้ STI มีความพร้อมที่จะยื่นคำขออนุญาตย้ายหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ mai ไปเทรดใน SET ได้ภายในปีนี้  นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเติบโต และเพิ่มโอกาสนักลงทุนสถาบันเข้าลงทุน โดยบริษัทฯ จะจัดประชุมผู้ถือหุ้น ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting)