STI พร้อมสยายปีกโต! เตรียมย้ายเข้าตลาด SET ปีนี้ ด้านโบรกฯ ส่งเสียงเชียร์ “ซื้อ” ขยับเป้าหมายสู่ 11.82 บาท

STI พร้อมสยายปีกโต! เตรียมย้ายเข้าตลาด SET ปีนี้

ด้านโบรกฯ ส่งเสียงเชียร์ ซื้อขยับเป้าหมายสู่ 11.82 บาท

          “สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI” ผู้นำที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างที่มาแรงแบบต้องจับตามอง ล่าสุด ประกาศปี 65 ก้าวสู่การเติบโตครั้งใหญ่ เตรียมพร้อมยกระดับองค์กร ย้ายเข้าเทรดใน SET หลังเผยงบปี 64 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พ่วงจ่ายปันผลจัดหนักทั้งหุ้นและเงินสด ขณะที่ปีนี้มีสตอรี่ใหม่รอประกาศต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะงานในมือที่ตุนไว้แล้วระดับ 4,000 ล้านบาท และงานใหม่ที่แว่วว่าไม่ธรรมดา !!!  ด้านโบรกฯ ต่างให้ความสนใจ มอง STI เทียบกับกลุ่มรับเหมาธุรกิจที่ใกล้เคียง มีการเติบโตของรายได้และกำไรดีกว่า แต่ระดับ PE ต่ำกว่า ประเมินราคาเป้าหมาย 11.82 บาท

          นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานบริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า ในปี 2565 STI เตรียมก้าวสู่การเติบโตครั้งใหญ่ หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ประกาศแผนการย้ายหลักทรัพย์ STI จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อยกระดับองค์กรให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมประกาศจ่ายปันผลในรูปแบบหุ้นและเงินสด เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และย้ำแผนการเติบโตในปีนี้

          นับเป็นก้าวสำเร็จอันรวดเร็ว นับตั้งแต่ STI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ตั้งแต่ปลายปี 2561 ก็ได้ประกาศผลการดำเนินงานที่เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง หรือมีรายได้รวมในปี 2561 อยู่ที่ 635.10 ล้านบาท และล่าสุดปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ 1,741.88 ล้านบาท ในเวลา 3 ปี เติบโตสูงกว่า 174% รวมทั้ง ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 STI ได้ประกาศบันไดก้าวแรกเพื่อขยายการเติบโต เข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมชั้นนำ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจสู่โอกาสการเติบโตครั้งใหญ่

          จึงมั่นใจว่า ปี 2565 STI พร้อมที่จะย้ายเข้า SET เสริมภาพลักษณ์ธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นไปยังกลุ่มนักลงทุนสถาบัน รวมทั้ง วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีนี้ คาดทะลุ 2,000 ล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับสูงถึง 4,000 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ ที่มองว่าจะมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญไปอีก 3-5 ปีจากนี้ ทั้งงานเมกะโปรเจกต์ภาครัฐและโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชน ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดย STI วางกลยุทธ์ขยายความเชี่ยวชาญให้ครอบคลุมงานที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างในกลุ่มลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น เพิ่มโอกาสชิงเค้กก้อนใหญ่ด้วยความเชื่อมั่นจากลูกค้า ตลอดจนความเชี่ยวชาญและคุณภาพงานคือหัวใจสำคัญ

          ด้าน บทวิเคราะห์ ดีบีเอส วิเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุ กำไรใน 4Q21 อยู่ที่ 39.1 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ที่ 40.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.3% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า และ +14.1% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ฟื้นตัวหลังโควิด อัตรากำไรขั้นต้น 4Q21 อยู่ที่31.4% สูงกว่าที่เราคาดไว้ที่ 29.7% จากสถานการณ์โควิดทีดีขึ้นและมีการลดค่าใช้จ่ายลง โดยปี 2022 บริษัทตั้งเป้ารายได้2,000 ล้านบาท เจาะตลาดธุรกิจเมกะเทรนด์โรงพยาบาล อาคาร คลังสินค้าและงานรัฐ จ่ายหุ้นปันผล 0.8 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่และเงินปันผล 0.0694 บาท เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อ-ขายหุ้นและเตรียมย้ายเข้า SET ปรับกำไรปี 22 และ 23 ขึ้น +3.3% และ +8.2% จาการลดค่าใช้จ่าย

          คงคำแนะนำ “ซื้อ”  ใช้ราคาพื้น ฐานปี2022 ที่ 11.82 จากเดิม10 บาท โดยอ้ำงอิงกับ P/E ที่17เป็นระดับ PE ที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่โตเฉลี่ย CAGR ที่ 36.8% และ 25% ตามลำดับ และหากเทียบกับกลุ่มรับเหมาธุรกิจที่ใกล้เคียงกันบริษัทยังมีการเติบโตของรายได้และกำไรดีกว่า แต่ระดับ PE ต่ำกว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงต่อจากนี้และฐานในปี 2564 ต่ำ มีโอกาสฟื้นตัวหลังจบโควิด 19

          ส่วน บทวิเคราะห์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ กำไร 4Q64 +26% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ +7.5% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า ฟื้นตัวชัดเจนหลังงานก่อสร้างกลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว ด้าน Backlogในมือสูงราว 4 พันล้านบาท และงานก่อสร้างกลับมาสู่ปกติหนุนตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า คาดกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายก่อน XD อยู่ที่ 11.70 บาท upside 18.2% ยืนยัน คำแนะนำ “ซื้อ” โดยเทียบเท่าราคาเป้าหมายก่อน XD ที่ 11.70 บาท