STI มีแววงบครึ่งปีหลังโตโดด โบรกเคาะกำไรปีนี้พุ่งแรง 56%

"STI มีแววงบครึ่งปีหลังโตโดด โบรกเคาะกำไรปีนี้พุ่งแรง 56%"

          STI จับตาผลงานครึ่งปีหลังโตโดด เตรียมบุ๊ครายได้บริษัท AEC เข้าพอร์ตตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ตุนแบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 4.5 พันล้านบาท หนุนรายได้โตกว่า 80% ด้านโบรกชี้หลังซื้อกิจการดันผลงานก้าวกระโดด ส่องกำไรปีนี้ทะยาน 56.3% อัพเป้าหมายใหม่ 7.46 บาท จากเดิม 5.90 บาท แนะ “ซื้อ”

 

          นายสิทธิชัย เสรีพัฒนะพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า บริษัทประเมินทิศทางธุรกิจและผลประกอบการครึ่งปีหลังปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะบริษัทจะรับรู้รายได้และการดำเนินกิจการของ บริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC ในสัดส่วน 63.75% เข้ามา โดยเริ่มรับรู้ผลการดำเนินตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2563 อีกทั้งบริษัทคาดทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 แนวโน้มจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อนอีกด้วย ตามการรับรู้รายได้จาก AEC โดยบริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัทดังกล่าวแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา

 

แบ็กล็อก 4.5 พันล.

          ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวมอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็น งานจาก STI ราว 2 พันล้านบาท และงานจาก AEC ราว 2.5 พันล้านบาท และจะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาช่วงที่เหลือตามระยะสัญญาการส่งมอบงาน ทั้งนี้จำนวนงานที่จะส่งมอบช่วงที่เหลือ คาดจะสนับสนุนให้บริษัทมีรายได้เติบโตถึง 80% ต่อจากปีก่อน โดยต้นปี 2563บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10%อีกทั้งอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานใหม่หลายโครงการ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดจะเห็นความชัดเจนได้เร็วๆ นี้

          อย่างไรก็ตามบริษัทคาดในอนาคตสัดส่วนรายได้จากภาครัฐจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 24% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 24% และสัดส่วนงานภาคเอกชนอยู่ที่ 76% อย่างไรก็ดีบริษัทวางเป้าหมายในอนาคต จะผลักดันบริษัทเป็นผู้นำการดำเนินธุรกิจควบคุมงานก่อสร้าง และที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม จากการให้บริการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นงานที่ถนัด

          อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีรายได้จากการให้บริการ 232.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 153.8 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง โดยมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น อาทิ งานโครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 

พัฒนาส่วนขยายราชการ

           โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการ โซน ซี โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น สำหรับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง สัดส่วน 90.8% และ สัดส่วนรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม 9.2% ของรายได้จากการให้บริการรวม ด้านกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 70.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 53.8 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 27.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 18.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้น 30.4% อัตรากำไรสุทธิ 11.7%

          ด้านบริษัท หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 7.46 บาท โตก้าวกระโดดจาก AEC ยังเทรดที่ PE ต่ำ โดยการซื้อกิจการ 63.75% ของ AEC จะเริ่มรับรู้เข้ามาใน STI ตั้งแต่ไตรมาส 2 เดือน พ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งขนาดรายได้และงานในมือของ AEC ใกล้เคียงกับ STI ส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการซื้อกิจการ

 

อนาคตไกล 7.46 บ.

          ฝ่ายวิเคราะห์มีการปรับประมาณการ SG&A ต่อยอดขายทั้งปีลดลงเหลือ 19.6% จากการประหยัดต่อขนาดและประโยชน์จากการซื้อกิจการ ซึ่งสัดส่วนนี้ไตรมาส 1 ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 15.6% ประเมินการเติบโตของกำไรปีนี้เติบโต 56.3% และปีหน้าเติบโต 61.3% สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการซื้อกิจการและรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ SG&A ต่อยอดขายมีแนวโน้มลดลงจากการประหยัดต่อขนาด

          คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 7.46 บาท จากเดิม 5.90 บาท โดยอ้างอิงกับ P/E ที่ 15 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตปีนี้ที่ 56.3% และปีหน้า 61.3% ค่อนข้างมากและราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E เพียง10.5 เท่า ราคานี้มีส่วนเพิ่มจากราคาปิด 43%