โบรกฯ เล็งกำไร STI ปี 62 โต 21% - ปี63 โต 16% มองประสิทธิภาพทำกำไรดีสุด -Backlog ในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะซื้อ เป้า 6 บาท

 

โบรกฯ เล็งกำไร STI ปี 62 โต 21% -ปี63 โต 16% มองประสิทธิภาพทำกำไรดีสุด -Backlog ในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แนะซื้อ เป้า 6 บาท

          บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) STI ผู้นำด้านที่ปรึกษางานก่อสร้าง ที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 รองจาก TEAMG แต่ประสิทธิภาพทำกำไรดีสุด Backlog ในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แสดงให้เห็นศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง ราคาเป้าหมายปี 63 อิงวิธี GGM อยู่ที่ 6 บาท upside 28.2% Div. Yield เกิน 4% ซื้อลงทุน

ประเด็นการลงทุน ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 รองจาก TEAMG แต่ประสิทธิภาพทำกำไรดีสุด

         สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคมุงานก่อสร้าง และมีบริษัทย่อย สโตนเฮนจ์ จำกัด (STH) ซึ่ง STI ถือหุ้น 100% ให้บริการธุรกิจออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม งานตกแตง่ภายใน และงานอนรุักษ์โบราณสถาน ชว่ยให้ STl สามารถดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร STI บริหารงานโดยผ้บูริหารที่ประสบการณ์โดยตรงมากว่า 30 ปี ส่งผลให้ STI ครอง ส่วนแบ่งตลาดอันดับ2 รองจาก TEAMG แต่กลับมีประสิทธิภาพดีสดุ ทั้งในเชิง Net Profit Margin, ROE และ ROA

          Backlog ในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แสดงให้เห็นศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง Backlog ณ สิน้เดือน ส.ค. 2562 อย่ทูี่ 1,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,450 ล้านบาท สิน้ปี 2561 โดยแบ่งเป็นสัดส่วนภาครัฐ 13.3% และ ภาคเอกชน 86.7% ซงึ่หนึ่งในนนั้เป็นโปรเจ็คใหญ่ One Bangkok ราว 600 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ชว่งที่เหลือของ ปีนีร้าว 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ปี 2563-65

          นอกจากนี้จากจดุแข็งที่ยนูิเวนเจอร์ แคปปิตอล ซึ่งเป็นบ. ในเครือของเสี่ยเจริญ ถือห้นุ STI ถึง 28.56% ช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานจากกล่มุบริษัทในเครือของเสี่ยเจริญ รวมทงั้ยงัมีฐานลูกค้าประจำที่ไว้วางใจ ป้อนงานให้ STI อย่างสม่ำเสมอ เพราะชื่นชอบในผลงาน ด้วยผลดังกล่าว ทำให้ STI มีรายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ยปีละ 15%

           คาดกำไรปี 2562 เติบโต 21% และเติบโต 16% ในปี 2563 แม้กำไรงวด 1H62 จะอย่ทูี่ 40.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247.4% YoY จากฐานกำไรงวด 1H61 ที่ต่ำมาก เพราะงวด 1Q61 รายได้จากโครงการใหม่ อาทิ One Bangkok ยังเข้ามาน้อยมาก ขณะงวด 2Q61 รับผลกระทบจากต้นทุนค่าที่ปรึกษาต่างประเทศโครงการ One Bangkok 23.9 ล้านบาท โดยในงวด 3Q61 รับรู้ต้นทุนดังกล่าวอีก 18.9 ล้านบาท

           ทั้งนี้งวด 4Q61 โครงการ One Bangkok ได้เซ็นสัญญากับ STI อย่างเป็นทางการ ทำให้ STI สามารถรับรู้รายได้จากโครงการ One Bangkok ตามต้นทุนที่เกิดขนึ้จริงได้ กำไรงวด 4Q61 จึงสูงกว่าปกติ เพราะต้นทุนที่ปรึกษาต่างเทศได้เกิดขึ้นในงวด 2Q61 และ 3Q61 แล้ว ทั้งนี้คาดกำไรในงวด 3Q62 และงวด 4Q62 จะใกล้เคียงกนัที่ 23.8 ล้านบาท แม้รายได้งวด 4Q62 จะมากกว่า งวด 3Q62 แต่ในไตรมาส 4 ของทุกปี จะมีคาใช้จ่าย incentive ให้แก่พนกังานตามผลงานที่พนกังานทำในแต่ละปี เพื่อจงูใจให้พนักงานมี loyalty ต่อองค์กร ส่งผลให้คาดกำไรงวด 2H62 อย่ทูี่ 47.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น16.8% HoH แต่ลดลง 22.7% YoY จากผลกระทบของกำไรสทุธิ 4Q61 ที่สงูกว่าปกติ เป็นผลให้คาดว่ากำไรปี 2562 จะเติบโต 21% และเพิ่มขนึ้อีก 16% ในปี 2563

          ราคาเป้าหมายปี 2563 อิงวิธี GGM อิง BV63F ที่ 2.55 เท่า อยู่ที่ 6 บาท ประเมินมลูค่าพื้นฐานด้วยวิธี GGM โดยใช้ตัวแปร Long-term ROE ที่ 14% Long-term Growth (LTG) ที่ 4% ภายใต้ Dividend Payout Ratio ที่ 50% Cost of Equity ที่ 8.25% ได้ PBV ที่ 2.35 เท่า อิง BV63F ที่ 2.55 บาท จะได้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 6 บาท เทียบเท่า PER ปี 63 ที่ 15.75 เท่า โดยยงัไมร่วมมูลค่าเพิ่มจากแผนการซื้อเงินลงทุนในกิจการใหมที่ดำเนินธุรกิจ คล้ายคลึงกันวงเงิน 200 ล้านบาท ที่อาจเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

          ด้วยผลงานที่มีคุณภาพของ STI และการที่ UV Capital ถือหุ้นถึง 28.56% จึงสร้างความเชื่อมั่นว่าจะเห็น การเติบโตอย่างต่อเนื่องของก าไรในอัตราเฉลี่ยปีละ 15% ได้ในระยะเวลา บวกกับราคาหุ้นปัจจุบัน ยังมี Upside ถึง 28.2% จากราคาเป้าหมายปี 63 อีกทั้ง Div.Yield ที่สูงเกินปีละ 4% ปัจจัยเสี่ยง
ความล่าช้าของโครงการ อาจทให้การรับรรายได้ช้ากว่าคาด ปัญหา Oversupply ของคอนโดฯ อาจทำให้เกิดการ ชะลอการลงทนุโครงการใหม่ๆ ความเสี่ยงด้านสภาพคลอ่งการซื้อขายเป็นผลจากจำนวนห้นุน้อยและเหลือ Free Float เพียง 22%

ขอขอบคุณสำนักข่าวหุ้นอินไซต์ วันที่ 22 ตุลาคม 2562